สละเวลางานส่วนตัว เพื่อผู้อื่นได้อะไรมากกว่าที่คิด


     วันนี้ผมไ้ด้ทำสิ่งบางอย่าง ซึ่งผมไม่รู้เลยว่่ามันจะสร้างความประทับใจให้ผมได้มากเพียงนี้

     ซึ่่งการกระทำวันนี้ของผม และผู้นำในองค์กรได้กระทำก็คือ การเยี่ยมเยียนพนักงานที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเขาต้องถูกตัดขา เนื่องจากเป็นแผลบริเวณใต้ฝ่าเท้า แต่เนื่องจากเขาเป็นเบาหวาน จึงทำให้แผลลุกลาม จนหมอต้องตัดสินใจตัดขาของเขาทิ้งเพื่อป้องกันการลุกลาม

    โดยวันนี้ผมนั้นมีงานที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นช่วงปลายเดือนต้องมีการเคลียร์งานของเดือนนี้ให้จบ รวมถึงการทำจ่ายเงินเดือนของบรรดา พนักงานของบริษัท คุณคงทราบว่าบริษัทเอกชนช่วงปลายเดือนนั้นมันยุ่งมากเพียงใด

     พบได้ทราบข่าวว่าพนักงานคนดังกล่าวที่ผมกล่าวไปก่อนหน้านี้ถูกตัดขา ซึ่งพนักงานต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก ทำให้ผมต้องตัดสินใจระหว่าง 1.การไปเยี่ยมพนักงาน และ 2. เคลียร์งานของตนเองต่อไปให้เสร็จ



     เพราะผมเป็นคนที่ได้รับการปลูกฝังมาว่า " ควรให้ความสำคัญผู้อื่นก่อนที่จะให้ความสำคัญกับตนเอง " และิเป็นสิ่งที่ผมได้รับการฝึกอบรม ภาวะผู้นำมา ประกอบกับครอบครัวไดัสั่งสอนผมในข้อนี้อยู่เสมอๆ ผมจึงเลือกที่จะไปเยี่ยมพนักงานก่อน  โดยทิ้งงานจำนวนมากนั้นไว้เบื้องหลัง

     การเดินทางต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงเนื่องจากพนักงานอยู่โรงพยาบาลอีกจังหวัดหนึ่ง ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นสถานที่จอดรถในโรงพยาบาลเต็ม มีการจอดซ้อนคัน ผมจึงเกิดอาการเครียดขึ้นมาในจิตใจแต่ ผมมีสติตั้งมั่นโดยคิดว่า " ในเมื่อเรามาถึงที่แล้วเราต้องหาที่จอดเพื่อไปเยี่ยมพนักงานเราให้ได้ "

     เหมือนปฏิหาริย์ครับ วนมา 2 รอบเราเจอที่จอดรถบริเวณด้านหน้าหอพักแพทย์พอดี จึงได้จอดรถสมใจ และได้เดินไปเยี่ยมพนักงานที่อยู่ตึกผู้ป่วยซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 200 เมตร เออผมลืมบอกไปผมได้เดินทางไปพร้อมๆ กับพี่ๆ ผู้นำของบริษัทด้วยครับ

     เมื่่่อถึงห้องพักผู้ป่วย สภาพที่ผมเห็นพนักงานของเราก็คือ ขาซ้ายของเขาถูกตัด แต่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งมาก เขาประหลาดเมื่อเห็นพวกเราไปเยี่ยมเขา จากนั้นใบหน้าที่รู้สึกประหลาดใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มออกมา  เราได้นำของเยี่ยมให้เขา ญาติผู้ป่วยก็อยู่ด้วย เราได้บอกว่า เรารู้สึกเป็นห่วงเขาตลอดเวลา และแจ้งสิทธิต่างๆ ที่เขาควรจะได้รับจากบริษัท พร้อมทั้งบอกกับเขาว่า " ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงานให้ลืมเรื่องงานไปก่อนเลย  พักรักษาตัวให้หาย เราพร้อมให้ความช่วยเหลือ เราจะไม่ทิ้งคุณ " ภาพที่ทำให้เราปลื้มใจคือ เขาจับมือ และกอดผม พร้อมทั้งบอกว่าเขาภูมิใจมากที่มีเราไปเยี่ยม เขาพร้อมจะสู้ชีวิตต่อ  เขายอมรับว่าเขารู้สึกไม่ดีกับผู้บริหารของเรา  แต่ ณ ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง

     เมื่่อคุยสักพัก เราก็ขอตัวกลับ  เรากลับออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ดี แบบเต็มๆ อย่างบอกไม่ถูก ผมเลยเข้าใจ และรู้สึกทันทีว่า การเห็นแก่ผู้อื่นก่อนที่จะเห็นแก่ตนเองนั้น มันให้ความรู้สึกที่ปลาบปลื้ม อย่างมหัศจรรย์  ผมเลยหายสงสัยเลยสัยเลยว่าทำไม กฎของ ภาวะผู้นำที่ว่า " ผู้นำควรเห็นและเข้าใจคนอื่นก่อนเข้าใจตนเอง "  จึงเป็นกฎที่สำคัญต้นๆ ของภาวะผู้นำ

     ผมกลับมาถึงสำนักงานเวลา 16.00 น. เพื่อเคลียร์งานที่มากมายของผม  และผมก็รู้สึกว่าผมมีกำลังใจผมเคลียร์งานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย  โดยเชื่อไหมครับว่าผมเคลี่ยร์งานที่มากมายของผมนั้น เกินจากเวลาเลิกงานปกติของการทำงานไป ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น  ซึ่งมันเกิดจากอารมณ์ที่ ปีติ ของผมในการได้ทำิสิ่งที่ดีๆ ในวันนี้ และมันเป็นสิ่งที่ผู้นำต้องทำ และผมได้ทำมันสำเร็จ ผมได้ชนะจิตใจที่เห็นแก่ตนเองได้ และสิ่งนั้นได้ตอบแทนผมแล้ว

     เชื่่อผมเถอะครับ การให้ความสำคัญแก่ผู้อื่นก่อนตนเอง มันเป็นสิ่งที่มีค่า และมันจะช่วยให้คุณมีความสำคัญ คุณลองปรับเปลี่ยนและทำดูสิครับ แล้วคุณจะเชื่อเหมือนผมที่ได้รับมัน ณ ตอนนี้


แด่ภาวะผู้นำที่ให้ความสำคัญผู้อื่่นก่อนของคุณ

ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาภาวะผู้นำ

   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น