การฝึกตัวเองให้มีภาวะผู้นำ แบบง่ายๆ

หน้าที่อย่างหนึ่งในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือ การกระตุ้นให้เกิดภาวะผู้นำ ไม่เพียงแต่ในระดับผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือหัวหน้างานเท่านั้น แต่หมายรวมถึง พนักงานทุกคนในองค์กร

ด้วยความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คนไทยเราไม่ค่อยกล้าแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ มักรอให้มี “ฮีโร่” เริ่มต้นทำก่อน แล้วจึงทำตาม หากจนแล้วจนรอดในกลุ่มไม่มีผู้กล้าเลย ก็ต้องมีคนหนึ่งซึ่งถูกสถานการณ์บังคับให้เป็น “ผู้นำจำเป็น”
 
จากสถานการณ์ที่บีบบังคับให้เราต้องเป็นผู้นำนั้น ทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วภาวะผู้นำมีอยู่ภายในตัวเราทุกคน หากมีการเรียนรู้ ฝึกหัด และอบรมอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ยากที่จะกระตุ้นภาวะผู้นำในตัวบุคคลออกมาได้ มาดูกันว่าคุณลักษณะใดบ้างที่ควรพัฒนาสำหรับผู้ที่จะก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ”

    ประเภทของการมอบหมายงาน ตอนที่ 2


    ลักษณะของการมอบหมายงานแบบที่ 2 เป็นลักษณะการมอบหมายงานที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด คือ
    " การมอบหมายงานแบบนายงาน "

       โดยการมอบหมายงา่นแบบนายงานนี้ จะมีการเน้นไปที่ผลสำเร็จ มากกว่าวิธีการทำงาน ซึ่งเป็นลักษณะการมอบหมายงาน ที่เหมาะกับการบริหารยุคใหม่จริงๆ

         มีการเปิดโอกาสให้ผู้ทำงานชิ้นนั้นที่จะเลือกใช้วิธีการใดก็ได้ โดยผู้นำมอบความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับงานนี้ไปให้  โดยในช่วงแรกๆ นั้นอาจจะใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับเวลา และแรงงานที่เสียไป  การมอบหมายงานแบบนายงาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความเข้าใจกันในทีมงาน อย่างถ่องแท้ ต้งแต่เริ่มงาน  ซึ่งความไว้วางใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการมอบหมายงานในลักษณะนี้

    ประเภทของการมอบหมายงาน


       ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในบทความที่แล้วว่า การที่จะวัดคุณภาพ หรือความสำเร็จของภาวะผู้นำนั้น  วัดจากการมอบหมายงานเพื่อให้ผู้อื่นที่มีความชำนาญไปทำ  ซึ่งทำให้ผู้นำมีเวลาที่จะไปปฏิบัติงานในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนามากกว่า ที่จะเป็นผู้ปฏิบัติเสียเอง

        แต่คุณรู้ไหมว่า "ประเภทของการมอบหมายงานมีกี่ประเภท"

         แน่นอนครับส่วนมากจะไม่รู้ว่ามีลักษณะผู้นำกี่ประเภท เพื่อให้เกิดความชัดเจน ผมขอแยกปรเภทของการมอบหมายงานออกเป็น 2 ประเภท  โดยผมจะขอกล่าวถึงประเภทของการมอบหมายงานประเภทแรกกันก่อนครับ

       

         คุณจะมองเห็นภาพที่ผมแสดงอยู่ด้านซ้าย ใช่ครับนั่นเป็นลักษณะแรกของการมอบหมายงานนั่นก็คือ  การมอบหมายงานแบบลูกหาบ นั่นเอง

    บุคลิก ความเป็นผู้นำ ที่น่าเชื่อถือ



    บุคลิกของ "ผู้นำ" ที่น่าเชื่อถือ

     
    คำว่า Leader (ผู้นำ) มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Lead ซึ่งแปลว่า ถนน ทาง หรือ การเดินทาง ผู้นำเดินทางไปด้วยกันกับผู้ตาม คอยชี้นำพวกเขาให้ไปสู่จุดหมายปลายทาง ความหมายโดยนัยคือ ผู้นำเป็นผู้รวบรวมผู้คนให้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แล้วเดินทางไปสู่จุดหมายร่วมกัน

    ผู้นำไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นทัศนคติ ผู้นำคือผู้ขายความหวัง ถึงแม้ในยามที่ดูเหมือนว่าคุณกำลังเผชิญกับสิ่งสุดวิสัยที่จะทำได้สำเร็จ แต่ผู้นำกลับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์และทำให้ทีมเห็นมันด้วย ผู้นำที่แท้จริงคือผู้รับใช้ที่คอยตอบสนองความต้องการของทีม

    การมอบหมายงานหัวใจแห่งความสำเร็จของภาวะผู้นำ

                                                                                       " การมอบหมายงาน " คือหัวใจแห่งความสำเร็จของผู้นำ ทุกคนหากผู้นำที่เน้นการปฏิบัตินั่นเป็น นิสัยของผู้ปฏิบัติไม่ใช่ผู้นำ  ผู้นำที่มีประสิทธิผล และมีภาวะผู้นำ จะทำงานทั้งหมดในโครงสร้างของตนด้วยการมอบหมายงาน ให้บุคคลอื่นทำ
     
         การมอบหมายงานนั้น อาจจะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ การมอบหมายงานผ่านเวลา และการมอบหมายงานให้บุคคลอื่นรับไปทำ  หากเรามอบหมายงานผ่านเวลาใช้เวลาในการทำงานคือเน้นที่ประสิทธิภาพ ถ้าเรามอบหมายงานผ่านบุคคล เราจะคิดประสิทธิผล

         ผู้นำจำนวนมากมายปฏิเสธที่จะมอบหมายงานให้ทีมงานหรือผู้อื่นไทำ เพราะตนรู้สึกว่าเป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมากในการอธิบายให้อีกคนเข้าใจตรงกัน  นำเอาเวลาหรือแรงงานที่เสียไปนั้นมาทำงานเสียเองดีกว่าจะได้ผลงานที่ดีกว่า 

    ศิลปะแห่งการมอบหมายงาน (The Art of Delegating)


    ผู้บริหารในองค์กรส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในองค์กร 
    (delegation of authority) ให้บุคคลอื่น เช่น ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำการแทนขณะไม่อยู่ หรือให้ไปทำงานบางอย่างแทน การมอบหมายงานดังกล่าวรวมถึงอำนาจในการตัดสินใจหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นด้วย


         อย่างไรก็ตามการมอบหมายงานในด้านบวกจะถือว่าเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจให้กับ
    พนักงานในหน่วยงาน รวมทั้งเป็นการฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะและเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ได้รับ
    การมอบหมายงานในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามการมอบหมายงานที่ผิดพลาด 
    นอกจากจะเป็นการเพิ่มภาระงานมากเกินไปให้กับผู้ได้รับการมอบหมายแล้ว 
    การขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกผู้ทำงานแทนที่เหมาะสม 
    อาจนำไปสู่ความล้มเหลวและเป็นผลเสียกับองค์กรโดยรวมได้เช่นกัน

    ควรฝึกการใส่ใจผู้อื่น หากคุณอยากมีภาวะผู้นำ

     
    การใส่ใจผู้อื่น ( Care for Others)

         ดังนี้ได้กล่าวมาแล้วว่า ภาวะผู้นำ คือการใส่ใจผู้อื่นมากกว่าเรื่องของตนเอง  บุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากจนเกินไปนั่น จะไม่มีภาวะที่จะเป็นผู้นำได้เลย

        เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องและสอดคล้องกับภาวะผู้นำที่สุด  คุณต้องเข้าใจและใส่ใจผู้ือื่นก่อนตนเอง โดยเฉพาะทีมงานและลูกน้องของคุณเอง

         เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้นำเกือบ 90% มักจะมีความคิดว่า " ฉันเป็นผู้นำแล้ว ฉันอยู่ในระดับบริหารแล้วฉันไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร เพราะทีมงานของฉันต้องทำตามแผนที่ฉันวางไว้ ฉันจะใช้วิธีการใดๆ ก็ได้เพื่อให้งานออกมาสำเร็จ "  คุณคิดว่าเป็นวิธีการคิด และทำที่ถูกต้องแล้วหรือ ?  หากคุณกำลังฝึก ภาวะผู้นำอยู่

    จากเด็กไม่เอาถ่านสู่ มหาบุรุษของโลก วินสตัน เชอร์ชิล

         คุณคิดเหมือนผมไหมครับว่า วีรบุรุษหลายต่อหลายคนในโลกที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกได้นั้น ล้วนแล้วแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถหรือพรสวรรค์พิเศษ แต่ก็มีบางคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแล้วสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้ เพราะมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงจนไม่อาจประเมินได้    แล้วนำไปสู่ความพยายาม ความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละและกระทำอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้บุคคลนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในชีวิต



          แม้ว่าหากเราได้ศึกษาถึงจุดเริ่มต้นของเขาคนนั้น อาจพบว่าเขามีชีวิตที่กระท่อนแท่นไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการเรียนที่ย่ำแย่จนเกือบเอาตัวไม่รอด หรือแม้กระทั่งไปสอบเรียนต่อที่ไหนก็ไม่ค่อยสำเร็จ แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขาเชื่อมั่น สิ่งที่ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำแล้ว พลังที่หลบซ่อนอยู่ในตัวจะแสดงออกมา จนทำให้เขากลายเป็นเหมือนคนบ้างาน ทำงานอย่างหนักโดยไม่สนใจว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด เพียงแต่ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำเท่านั้น

    ผู้นำคือผู้ที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต


     " ผู้นำคือผู้ที่เรียนรู้ "

         เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุด ผู้นำที่มีภาวะผู้นำคือผู้ที่ต้องเรียนรู้ เรียนรู้ และเรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้นำที่คิดว่าตนเก่งแล้ว ดีที่สุดแล้ว ไม่เหมือนใครแล้ว ไม่ต้องเรียนรู้อีกแล้ว หากคุณคิดเช่นนี้ ภาวะผู้นำของคุณได้ตายไปจากจิตใจคุณเรียบร้อยแล้วครับ

         วอร์เรน เบนนิส และเบิร์ต นานุส ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำระดับโลกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนที่ถูกต้องที่สุดว่า " ความสามารถในการพัฒนา และเพิ่มพูนทักษะเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างผู้นำและผู้ตาม "


         ผู้นำที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คือผู้เรียนรู้ และเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เป็นผลจากการมีวินัยในตนเอง ความวิริยะอุตสาหะ ในแต่ละวันต้องมีการเรียนรู้และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ 

    การสร้างภาวะผู้นำ เหมือนการลงทุน ทบต้นทบดอก


    " การเป็นผู้นำต้องสร้างทีละวัน ไม่ใช่ภายในวันเดียว"      John C Maxwell       เป็นประโยคที่กล่าวถึงการสร้างภาวะผู้นำได้อย่างถูกต้องที่สุด การสร้างภาวะผู้นำ ต้องอาศัยการสร้าง และสะสมเรื่อยๆ  คล้ายกับการนำเงินไปลงทุน หรือฝากธนาคาร ที่ดอกเบี้ยจะมีการทบต้น ทบดอกไปเรื่อยๆ ซึ่งมีผู้กล่าวไว้ว่า  ดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกนี้ถือว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันดับที่ 8 เลยทีเดียว  แต่มีข่าวดีที่ว่าเราสามารถนำหลักการนี้มาใช้ในการสร้างภาวะผู้นำได้ และเป็นกฎแห่งการสร้างภาวะผู้นำ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติ
         ก่อนกล่าวถึงห้วข้อดังกล่าวนี้ ผมขอยกเอาเรื่องราวของ คุณยาย แอน ไชเบอร์ ซึ่งเธอมีอายุ 101 ปีโดยเธอเสียชีวิตไปเมื่อปี ค.ศ. 1995  โดยที่อาศัยของเธอนั้นอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ในเมืองแมนฮัตตัน สภาพห้องไม่ต่างจากที่เก็บของ ฝุ่นเยอะไปหมด โดยเธอเช่าห้องพักอาศัยนี้ในราคา 400 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้นครับ

    แม่ชีเทเรซ่า ผู้นำแห่งการเสียสละให้แก่คนยากไร้


         วันนี้ ผมขอนำเรื่องของ แม่ชีเทเรซา ซึ่งหลายท่านคงรู้จัก มาแนะนำครับ
    ผมเห็นว่า ทัศนคติ วิธีมองโลก ของแม่ชีเทเรซา เป็นสิ่งนำทางให้ท่าน มีความสุขได้ตลอดเวลา ในทุกสถานการณ์
    ขณะเดียวกัน ทัศนคติเช่นว่านี้ ก็นำท่านไปสู่ ภาระกิจที่อุทิศตนต่อผู้ยากไร้ ในที่ต่างๆทั่วโลก

    อีกทั้งแม่ชีเทเรซา ยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้นำที่มีความเสียสละอยู่เต็มเปี่ยม และเป็นสุดยอด ภาวะผู้นำ ด้านการเสียสละซึ่งผู้นำทุกคนควรจะมี และยากที่จะทำได้อย่างท่าน
     
    ผมขอนำ ประวัติสั้นๆของท่านมากล่าวถึง พร้อมกับ วิธีคิด ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับพวกเราทุกคน

    ตำนานมหาบุรุษ ผู้นำระดับโลก - มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi)

     



    "มีกฎหมายที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ฉบับหนึ่ง ที่ปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกผู้ที่เกิดขึ้นและมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธกฎหมายหรือผู้ให้กฎหมายนั้น เพราะข้าพเจ้ารู้จักสิ่งเหล่านั้นน้อยมาก พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงปกครองจิตใจและเปลี่ยนแปลงมัน ผู้ที่ตระหนักถึงความมีอยู่จริงอันแท้จริงของพระองค์ จึงจะรับรู้กระบวนการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ"
    มหาตมะ คานธี




         หากแต่มีชาติที่ต้องการความอดทน ขันติ แรงบันดาลใจอันศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญที่มีชีวิต นั้นคืออินเดีย ซึ่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษมานานหลายศตวรรษ ไม่น่าเชื่อที่ชายผู้เป็นนักบุญปรากฏขึ้น เขาจะนำคนหลายร้อยล้านคนซึ่งทุกข์ทรมานในอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่เป็นที่สองของโลก ออกจากอาณานิคมสู่สถานะที่มีเกียรติในสังคมโลก เขาทำมันโดยไม่มีตำแหน่งสำคัญในประเทศ และเขาถูกสังหารจากความทุ่มเทที่ยิ่งใหญ่นี้ เขาไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นอะไรเลย เขาไม่เคยลงสมัครเลย แต่เขาก็เป็นพลังหลักสำหรับผู้คนทั่วอินเดีย

    เป็นผู้นำ อย่าทำงานแบบฉายเดี่ยว


          คุณเคยเห็นผู้นำที่ชอบทำงานคนเดียวไหมครับ  ใครทำงานอะไรหรือช่วยอะไรเขาก็ไม่ต้องการเขาไม่ไว้วางใจใครเลยนอกจากตัวเอง  เพราะเขาคิดว่าตัวเขานั้นมีความสามารถมากที่สุด สู้ทำเองดีกว่าได้เนื้องานกว่า

          ลักษณะพฤติกรรมที่กล่าวมา เป็นลักษณะของ ผู้นำที่ชอบฉายเดี่ยวนั่นเอง ซึ่งผมบอกได้เลยว่าผู้นำแบบนี้จะเหนื่อยไปตลอดชีวิต เพราะเขาจะไม่ไว้วางใจใครเลยนอกจากตัวของเขาเอง  ผู้นำแบบนี้จะยืน


    ผู้นำไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง


     " ฉันเป็นผู้นำ ฉันต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกอย่างในงาน "

        คุณอาจจะคิดว่า ความเป็นผู้นำนั้น คือผู้ที่ต้องรู้ทุกอย่างหมดทุกเรื่อง  ต้องเป็น Expert ในทุกสิ่งทุกอย่าง  ต้องรู้มากกว่าพนักงานและทีมงาน  เพราะหากไม่รู้เรื่องบางอย่าง หรือยอมรับว่าตนไม่รู้ิเรื่องอะไร ก็เท่ากับแสดงให้เห็นจุดอ่อนของตนเอง  โอกาสที่คนอื่นจะเลื่อยขาเก้าอี้นั้น ก็อาจจะเป็นไปได้สูง


         หากคุณต้องการหลุดพ้นจาก ภาวะผู้นำ ที่ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งถือเป็นภาวะผู้นำที่ล้มเหลว แล้วล่ะก็   คุณต้องเปลี่ยนแนวความคิดแบบนี้เสียทีครับ

    คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่ของตน



    คุณเคยเป็นแบบนี้ไหมเมื่อก้าวสู่ตำแหน่งระดับผู้นำ

    " ฉันอยู่ในส่วนไหนขององค์กรสูงระดับไหน "
    " ฉันมีตำแหน่งผู้นำแล้ว ฉันมีสิทธิและอำนาจมากขึ้น "
    " ฉันภูมิใจในตำแหน่งผู้นำ ฉันภูมิใจฉันอยู่ในระดับที่สูงกว่าพนักงานธรรมดาแล้ว "
    " ฉันมีตำแหน่งผู้จัดการแล้ว ฉันจะปฏิบัติน้อยลง ที่เหลือฉันจะใช้สิทธิอำนาจที่ฉันมีสั่งการให้ลูกน้องทำงานให้ "

        หากคุณคิดเช่นนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณได้เข้าสู่ ผู้นำที่เน้นและอิงในตำแหน่งหน้าที่เป็นใหญ่ เรียบร้อยแล้ว ความเป็นผู้นำ ที่มีภาวะผู้นำที่แท้จริงเริ่มออกห่างจากคุณทุกทีๆ แล้วครับ



    ผู้นำควรคิดอะไรง่ายๆ ไม่ต้องซับซ้อนมาก


         ผู้นำ มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา เช่นเื่รื่องงาน การวางแผนธุรกิจ  การสร้างความสัมพันธ์ กลุยุทธ์ ต่างๆ การแก้ไขปัญหาต่างๆ และอีกมากมายบานตะไท

        แน่นอนว่าผู้นำทุกคนต้องการที่จะให้งานนั้นออกมาดี จนกระทั่งบางทีความคิดต่างๆ นั้นอาจจะคิดละเอียด และซับซ้อนเกินกว่าที่ทีมงานจะเข้าใจได้

        ถูกต้องที่ว่าการคิดเผื่อไว้ในอนาคตเป็นสิ่งที่ดี  แต่การที่ผู้นำคิดมาก หรือคิดซับซ้อนเกินไปอาจจะส่งผลให้งานที่ออกมาไม่ได้ตามที่เราิคิด เมื่อคิดมาก ซับซ้อนมากจนเกินไปจนก่อเป็นความเครียด สุดท้ายก็กระทบต่อทีมงานของตนเอง

         ซึ่งบางเรื่องของปัญหา อาจจะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่ายๆ และไม่ได้ซับซ้อนหรือยากเกิดการแก้ไข แต่ตัวผู้นำเองนั่นเองที่คิดมาก คิดซ้ำคิดซ้อนจนทำให้ปัญหาดูยากเกินกว่าที่มันควรจะเป็น

      ข้อเสียที่จากการที่ผู้ำนำ คิดซับซ้อนมีดังนี้ครับ

    บรรลุภาวะผู้นำแบบเบ็ดเสร็จด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ


         วันนี้ผมได้อ่านบทความของ อาจารย์ไรย์วินท์ บุญสวัสดิ์ ของสถาบัน Entraining ซึ่งเป็นบทความหัวข้อ " การบรรลุภาวะผู้นำแบบเบ็ดเสร็จด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ " ( Achieving total leadershipwith trust )  ซึ่งผมได้อ่านแล้ว และคิดว่าเป็นประโยชนมากสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเองให้มีภาวะผู้นำที่แท้จริง  โดยบทความแสดงให้เห็นว่า คำว่า " ผู้นำ " หรือ Leadership นั้น ความไว้วางใจมีส่วนสำคัญมากสำหรับผู้นำทุกๆ คนและจะขาดเสียไม่ได้   เอาล่ะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

    " Achieving total leadershipwith trust "
         (บรรลุภาวะผู้นำแบบเบ็ดเสร็จด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ)


         ผู้นำที่ดีเกิดจากการฝึกฝนหาใช่พรสวรรค์โดยกำเนิด (Good Leaders are built not born) หากคุณมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าและจิตใจที่มุ่งมั่นแล้วคุณก็จะสามารถเป็นผู้นำได้อย่างแน่นอน การจะก้าวสู่การเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมได้นั้นต้องผ่านกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการเรียนรู้ การฝึกฝนและประสบการณ์ ผู้นำที่โดดเด่นทุกคนล้วนแต่ผ่านกระบวน

    ไม่ควรบอกข้อเสียของทีมงานตนให้ผู้อื่นฟัง


         คุณเคยไหมที่เวลา ไม่พอใจใครหรือใครทำอะไรที่ไม่ถูกใจแล้ว นำเรื่องของคนนั้นที่เราไม่พอใจไประบายความรู้สึกให้ผู้อื่นฟัง แล้วคุณรู้สึกอย่างไร

         แน่นอนเมื่่อคุณระบายความรู้สึกออกไปแล้ว คุณจะรู้สึกโล่งอก โล่งใจ แต่หากคุณต้องการเป็นผู้นำ ที่มี "ภาวะผู้นำ" แล้วการกระทำดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


         ผู้นำ เมื่อนำเรื่องที่เป็นข้อเสียของลูกน้อง หรือทีมงานของตนเองไประบายให้กับผู้ือื่นฟัง หรือระบายกับผู้นำด้วยกันเอง เท่ากับว่าคุณได้ทำการ ฟ้องตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่นำเรื่องที่คุณคุย นั้นไปบอกผู้ือื่น คุณก็คงทราบดีว่า การคุยแบบปากต่อปากนั้นมันน่ากลัวเพียงใด

    ความเท่าเทียมกัน คือสิ่งที่ผู้นำที่แท้จริงต้องมี


    ความเท่าเทียมกัน ( Equality )

         ต้องมีในจิตใจของผู้นำทุกคน ความเท่าเทียมกันคือความเสมอภาค รู้สึก และกระทำต่อผู้อื่นให้เหมือนๆ กันโดยไม่มีการโน้มเอียง ไม่มีกำแพงขวางกั้น 

        แต่น่าเสียดายในสังคมที่มีการแข่งขันกัน แก่งแย่งกัน ทำให้จิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกันของผู้นำในปัจจุบัน หลงเหลืออยู่น้อยมากในองค์กร

          วันนี้ผมได้ไปเยี่ยมเพื่อนของผมคนหนึ่งเขาทำงานทางด้าน บริหารทรัพยากรบุคคล เหมือนๆ กับผมเรามีการแชร์ความรู้สึกต่างๆ ให้ฟังกันเสมอ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรบุคคลภายในองค์ จนทำให้ผมได้กรณีตัวอย่างจากเพื่อนของผมคนนี้ ผมคิดว่าเรื่องราวดังกล่าวอาจจะมีประโยชน์กับคุณ ในการพัฒนาภาวะผู้นำ มันอาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กแต่จริงๆ แล้วมันไม่ีได้เล็กเลยครับ 

    ผู้นำต้องรู้จักผิด และกล่าวคำว่าขอโทษ


    คุณเคยได้ยินประโยคต่อไปนี้ไหมครับ

    " กฎข้อแรกเจ้านายไม่ผิด "
    " หากเจ้านายผิดให้กับไปดูข้อ 1 ใหม่ "

      รับประกันได้เลยครับว่าทุกคนที่่ใช้ชีวิตในการทำงานต้องเคยได้ยินประโยคเช่นนี้ ซึ่งเป็นความคิดที่เป็นประโยคและความเชื่อ เต่าล้านปี


         สังคมแห่งการทำงานย่อมประกอบไปด้วยคำว่าเจ้านาย และลูกน้อง โดยได้รับการปลูกฝังมาว่าต้องทำตามที่ผู้นำบอก และหากเจ้านายหรือผู้นำทำผิดก็ให้ถือว่าไม่ผิด อย่าไปชี้แจงเรื่องความผิดของเจ้านายเพราะมันไม่มีประโยชน์ ทำงานของตนเองต่อไปเรื่อยๆ ดีกว่า

         แต่ในคำว่า " ภาวะผู้นำ " ประโยคดังกล่าวถือว่าเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างร้ายแรง ผู้นำที่มีความเชื่อแบบนี้สืบต่อกันมาเป็นผู้นำที่ยึดถือในตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นสำคัญ เขาไม่มีทางเป็นผู้นำที่ครองใจผู้ใต้บังคับบัญชาหรือทีมงานได้