" การมอบหมายงาน " คือหัวใจแห่งความสำเร็จของผู้นำ ทุกคนหากผู้นำที่เน้นการปฏิบัตินั่นเป็น นิสัยของผู้ปฏิบัติไม่ใช่ผู้นำ ผู้นำที่มีประสิทธิผล และมีภาวะผู้นำ จะทำงานทั้งหมดในโครงสร้างของตนด้วยการมอบหมายงาน ให้บุคคลอื่นทำ
ผู้นำจำนวนมากมายปฏิเสธที่จะมอบหมายงานให้ทีมงานหรือผู้อื่นไทำ เพราะตนรู้สึกว่าเป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมากในการอธิบายให้อีกคนเข้าใจตรงกัน นำเอาเวลาหรือแรงงานที่เสียไปนั้นมาทำงานเสียเองดีกว่าจะได้ผลงานที่ดีกว่า
แต่จริงๆ แล้วการมอบหมายงานที่ทรงประสิทธิผลให้ผู้อื่นรับไปทำ อาจจะเป็นกิจกรรมเพียงเรื่องเดียวที่ถือว่าทรงพลังมากที่สุด และก่อให้เกิดผลต่างมากที่สุดเท่าที่มีมา ในความเป็นผู้นำของคุณ
การส่งผ่านความรับผิดชอบให้กับผู้ที่พร้อมไปด้วยทักษะ ที่ผ่านประสบการณ์และการฝึกฝนมาอย่างดีนั้น ช่วยให้คุณในฐานะผูุ้นำทุ่มเทพลังงานไปกับงานด้านพัฒนาองค์กรและทีมงานของคุณ ซึ่งจะทำให้เกิดผลต่างที่ยิ่งใหญ่ สังเกตุไหมครับว่า องค์กรหรือทีมงานใดที่ผู้นำ มุ่งแต่ทำงานเอง เข้าไปเกี่ยวข้องและทำทุกอย่างทุกเรื่องเอง องค์กรจะพัฒนาไปไม่ถึงไหน จะวนเวียนอยู่ในอ่างไม่มีการพัฒนา ปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไข และผู้นำคนนั้นจะรู้สึกว่าทำไมงานเยอะอย่างนี้เนี่ย
เจ.ซี. เพนนีย์ ผู้เชี่ยวชาญภาวะผู้นำที่ล่วงลับไปแล้ว ได้กล่าวไว้ว่า " การตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดที่เคยทำมา จะเป็นการ วางมือ เมื่อตระหนักว่าเขาไม่อาจจะทำเองทั้งหมดได้อีกต่อไปแล้ว " การตัดสินใจโดยใช้แนวคิดนี้ ทำให้เกิดการพัฒนาการ และการเจริญเติบโตของห้างนับร้อยนับพันแห่ง และพนักงานเป็นพัน เป็นหมื่นคนเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างง่ายๆ ของผลลัพธ์ในการมอบหมายงาน ซึ่งเราจะแยกประเภทการทำงานเป็น 1. ผู้ผลิต และ 2.ผู้บริหาร หรือผู้มอบหมายงาน
ผู้ผลิตทำทุกอย่างให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ สร้างไข่ทองคำขึ้นมา พ่อแม่รับหน้าที่ล้างจานเสียเอง สถาปนิกผู้เขียนแปลนบ้าน หรือเลขานุการ ล้วนแล้วแต่ทำเองเป็นผู้ผลิตเสียเอง
แต่เมื่อใดที่มีระบบเครือข่ายของการทำงานผ่านมือผู้อื่น บุคคลผู้นั้นจะเปลี่ยนเป็นผู้บริหาร ในความหมายของการพึ่งพาอาศัยกันและกัน พ่อแม่ผู้มอบหมายงานให้ลูกล้างจานคือ ผู้บริหาร สถาปนิกผู้นำทีมสถาปนิกเขียนแปลนบ้านคือ ผู้บริหาร เลขานุการผู้ดูแลเลขานุการคนอื่นให้พิมพ์จดหมาย และพนักงานธุรการคนอื่นให้ทำงานคือ ผู้จัดการสำนักงาน
เปรียบเทียบกัน ผู้ผลิตลงทุนเวลา 1 ชั่วโมงผลิตงานได้หนึ่งหน่วย อนุมานเอาว่าไม่มีความสูญเสียเชิงประสิทธิภาพ
ส่วนผู้บริหาร ลงทุนด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ได้ผลผลิตสิบ ห้าสิบ หรือร้อยเท่าตัวจากการมอบหมายงานที่ทรงประสิทธิผล อีกทั้งคุณภาพงานก็ออกมามีคุณภาพสูงเพราะมีการดูแล และควบคุมแบ่งงานดูแลอย่างชัดเจน
ดังนั้นหากจะกล่าวอย่างไม่ผิดและถูกต้องที่สุด ก็คือ กุญแจที่สำคัญในการบริหารจัดการทรงประสิทธิผล คือ การมอบหมายงานนั่นเอง ไม่ใช่ทำงานแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ไว้วางใจผู้อื่น
แด่ภาวะผู้นำแห่งการมอบหมายงานของคุณ
ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น