ภาวะผู้นำที่ควรเรียนรู้จาก ทงอี ตอนที่ 1


     เมื่อวานนี้ ผมได้ดูหนังเรื่อง " ทงอี " โดยได้ศึกษาบทบาทของ ทงอี นางเอกในเรื่อง ที่เขาสามารถใต่ระดับทางสังคมของเกาหลี จากสังคมของชนชั้นทาส หรือที่เรียกว่าชนชั้นต่ำ จนกระทั่งเป็นพระสนมในวังหลวงได้    ซึ่งการก้าวมาของ ทงอี ในเรื่องไม่ได้มาจากโชคชะตาชีวิต ที่กำหนดให้เป็นพระสนม  แต่มาจากความคิดความเป็นผู้นำของนางเอก ซึ่งหากเรานำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา ผมว่าจะสามารถพัฒนาความเป็นผู้นำของเราได้   ผมเห็นมีประโยชนกับทุกท่าน จึงนำเอาบทบาทของ " ภาวะผู้นำ " ที่ทงอี มาอธิบายเพื่อเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ
 
     1.ยิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่ว่าจะพบอุปสรรคหรือคนแบบใด
 
        หากคุณดูหน้งเรื่อง ทงอี แล้วสิ่งหนึ่งที่คุณจะเห็นได้จากนางเอกคือ " ยิ้มแย้ม และยิ้มตลอดเวลา " ซึ่งถือเป็นปัจจัย แรกสุดของผู้นำหากคุณต้องการเป็นผู้นำ ที่มีภาวะผู้นำที่แท้จริง คุณต้องยิ้มด้วยความจริงใจให้ได้ก่อน

         ทงอี ได้แสดงถึงความมี ภาวะผู้นำอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะพบกับงานหนักเพียงใด พบกับศัตรูที่ร้ายกาจเพียงใด ยกตัวอย่างเช่น พระสนมฮีบิน แห่งวังหลวงซึ่ง ฮีบิน มียศ ตำแหน่งใหญ่กว่าทงอีมาก แต่ทงอีก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าศัตรูจะสูงศักดิ์เพียงใด มีอิทธิพลมากเพียงใด ทงอีก็สามารถยิ้มสู้ได้เสมอ ซึ่งสุดท้ายพระสนม ฮีบิน ก็แพ้ภัยตนเองและพ่ายแพ้ ทงอี ในที่สุด
 
          อีกทั้งเมื่อทงอี อยู่กับบรรดาคนรับใช้ ผู้ติดตามของตนเอง ก็ไม่ได้แสดงหน้าตาที่เคร่งขรึมแต่อย่างใด ยังยิ้มเป็นกันเองกับเขาเสมอ ทำให้ผู้ติดตามรับใช้เต็มใจรับใช้ และพร้อมให้ความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์กับ ทงอี รอยยิ้มของทงอี สามารถพิชิตใจของ พระราชา ซึ่งเป็นชนชั้นที่สูงสุดของสังคม จนไปถึงคนรับใช้ เลยทีเดียว
 
          หากเรานำ การยิ้ม ซึ่งเป็นปัจจัยที่แสดงความจริงใจในด้าน บวก ของมนุษย์มาใช้กับเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือคนอื่นๆ ภาวะผู้นำคุณจะตื่นขึ้น และมีความหมายขึ้นมาทันที  เมื่อเรายิ้มด้วยความจริงใจสิ่งดีๆ ก็จะติดตามเรามา  สิ่งต่างๆ จะดีเป็นเรื่องเล็กทันที  ไม่เชื่อคุณลองยิ้มดูสิครับ
 
     2. ไม่เคยลืมเลยว่าตนเองเป็นใครมาก่อน
 
 
      หากคุณดูหน้ง ทงอี แล้วคุณจะทราบว่า ทงอี เมื่อก่อนเป็นคนชนชั้นทาส หรือชนชั้นต่ำสุดของสังคมโชซอน เมื่อทงอีได้ก้าวขึ้นมาสู่ชนชั้นสูงสุดทางสังคม ขึ้นเป็นพระสนมคู่กายพระราชา ก็ไม่เคยลืมว่าตนเป็นใครมาก่อน การประพฤติตัวของทงอี ยังคงเห็นอกเห็นใจ และห่วงใจผู้ติดตาม คนรับใช้ และประชาชนชั้นต่ำสุดทางสังคมเกาหลีเสมอ
 
      เพราะทงอี เคยผ่านชีวิตชนชั้นต่ำมาก่อน โดยยิ่งทงอี ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุด ก็คือต้องช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้นนั่นเอง และนี่คือกฎที่สำคัญมากที่สุดข้อหนึ่งเลยทีเดียว หากคุณอยากมีภาวะผู้นำ
 
      ผู้นำ ในปัจจุบันเมื่อตนก้าวจากตำแหน่งพนักงานธรรมดา ขึ้นมาสู่ระดับผู้นำ มักจะลืมว่าตนเองเคยเป็นใครมาก่อนเสียสิ้น  เมื่อผู้นำหลงลืมว่าตนเองเคยเป็นใคร ภาวะผู้นำจะถูกทำลายลง ทำให้ความเห็นอกเห็นใจ ความอ่อนน้อม ความอ่อนโยนจะหายไป  ทำให้ไม่เกิดความจริงใจในการเข้าหาทีมงาน ประโยคที่ว่า " วัวลืมเท้า " นั่นเอง ซึ่งผมไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับคุณ
 
       เมื่อเราไม่หลงลืมว่าตนเองเคยเป็นใคร  ตัวเราจะมาพร้อมกับความ อ่อนโยน อ่อนน้อม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงใจ   การช่วยเหลือทีมงานและผู้อื่นอย่างจริงใจ กับการเสแสร้งทำ ไม่เหมือนกันน่ะครับ  และที่แปลกมนุษย์สามารถใช้ความรู้สึกแยกออกได้ว่าใครจริงใจ หรือเสแสร้ง
 
       มองกลับมาพิจารณาตัวคุณเองน่ะครับว่า คุณลืมไปหรือเปล่าว่าเคยเป็นใคร  หากคุณผิดพลาดไป ก็กู้ความรู้สึกนั้นกลับมา หาเวลาอาจจะเป็นช่วงกลางคืนหลับตา คิดย้อนว่าเราเคยเป็นใคร โดนอะไรบ้าง และสัญญาตัวเองว่าเหตุการณ์นั้นที่เกิดกับเรา จะต้องไม่เกิดขึ้นกับทีมงาน หรือลูกน้องเรา
 
       มันช่วยได้จริงๆ เชื่อผมเถอะครับ
 
 
>>>>>>>>>>>> กำลังสนุกใช่ไหมครับติดตามต่อได้ในตอนที่ 2 ครับ
 
 
 
แด่ความเป็นผู้นำที่แท้จริงของคุณ
 
ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำ
ปณิธาน: ต้องการให้ทุกคนเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมอย่างยั่งยืน
    
 
 
 
 
 
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น