จากเด็กไม่เอาถ่านสู่ มหาบุรุษของโลก วินสตัน เชอร์ชิล

     คุณคิดเหมือนผมไหมครับว่า วีรบุรุษหลายต่อหลายคนในโลกที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกได้นั้น ล้วนแล้วแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถหรือพรสวรรค์พิเศษ แต่ก็มีบางคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแล้วสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้ เพราะมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงจนไม่อาจประเมินได้    แล้วนำไปสู่ความพยายาม ความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละและกระทำอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้บุคคลนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในชีวิต



      แม้ว่าหากเราได้ศึกษาถึงจุดเริ่มต้นของเขาคนนั้น อาจพบว่าเขามีชีวิตที่กระท่อนแท่นไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการเรียนที่ย่ำแย่จนเกือบเอาตัวไม่รอด หรือแม้กระทั่งไปสอบเรียนต่อที่ไหนก็ไม่ค่อยสำเร็จ แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขาเชื่อมั่น สิ่งที่ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำแล้ว พลังที่หลบซ่อนอยู่ในตัวจะแสดงออกมา จนทำให้เขากลายเป็นเหมือนคนบ้างาน ทำงานอย่างหนักโดยไม่สนใจว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด เพียงแต่ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำเท่านั้น


วินสตัน เชอร์ชิล เป็นหนึ่งในวีรบุรุษโลกที่เริ่มต้นชีวิตอย่างกระท่อนกระแท่น จนบิดามารดาของเขาเป็นห่วงมาก เพราะความไม่รักดีและไม่ใฝ่เรียน เขาไม่ชอบเรียนหนังสือเพราะเขาไม่ชอบถูกบังคับ ไม่ชอบทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ จึงเกิดอาการต่อต้านขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันหากเป็นสิ่งที่เขาชอบ เขาจะทำมันอย่างสุดความสามารถ
หากพิจารณาประเด็นนี้ ผมจึงขอฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเด็กว่า การที่บุตรหลานของท่านเรียนหนังสือไม่เก่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ให้เรามองหาว่าบุตรหลานของเรามีความสามารถพิเศษอะไร หรือมีความสนใจด้านใดบ้าง และหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดโทษต่อผู้อื่น ก็ควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาสามารถพัฒนาตนเอง จนกลายมาเป็นอัจฉริยะในด้านที่พวกเขาให้ความสนใจและทำได้ดีได้ในอนาคต
วินสตัน เชอร์ชิล ประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะเขามีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสนามรบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจอยู่แล้ว ถือเป็นโอกาสดีที่เขาได้รับ เนื่องจากเขาสามารถแสดงศักยภาพของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ ในที่สุดแล้วเขาก็มีชื่อเสียงอย่างมากจากการเป็นทหาร จนถึงช่วงสุดท้ายที่เขาได้แสดงให้เห็นพลังพรสวรรค์ คือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้แสดงความสามารถในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารอังกฤษที่มีกำลังใจย่ำแย่มาก เพราะความแข็งแกร่งของกองทหารเยอรมัน ประกอบกับฮิตเลอร์ได้มีคำสั่งให้ทิ้งระเบิดกลางกรุงลอนดอน จนทำให้กรุงลอนดอนมีสภาพเหมือนทุ่งแห่งเปลวเพลิง
วินสตัน เชอร์ชิล เป็นผู้วางแผนการรบในขณะนั้น นอกจากนี้เขายังดำเนินการหาพันธมิตรเข้าร่วมรบด้วย จนเป็นสาเหตุให้ทหารเยอรมันต้องพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน ความสำเร็จในการวางแผนการรบจนได้รับชัยชนะนั้น เพราะเขานำเอาพรสวรรค์ของตัวเองมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ เขาทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด จนก่อให้เกิดผลงานที่ส่งเขาให้กลายเป็นผู้นำของโลกในขณะนั้น จนได้รับสมญานามว่า "ราชสีห์แห่งอังกฤษ" เขาแสดงความเป็นผู้นำอันเด็ดเดี่ยว เป็นกำลังใจให้อังกฤษฟันฝ่าหายนะทั้งปวง ดุจเช่นราชสีห์ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากใดๆ และไม่เคยปราชัยแก่ผู้ใดเลย
ชีวิตของวินสตัน เชอร์ชิล เป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้มาโดยตลอดเช่นกัน แต่เขาไม่เคยย่อท้อและยอมแพ้       แม้หลายต่อหลายครั้งที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน ก็สามารถยืนหยัดขึ้นมาต่อสู้อีก เพราะเขาเชื่อว่า ที่เขาถือกำเนิดมาในโลกนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรที่ยิ่งใหญ่สักอย่างหนึ่ง เขาจึงทำงานหนักเพื่อจะสร้างชื่อเสียงเพื่อความยิ่งใหญ่นั้น และไม่ยอมให้มีอุปสรรคใดมายับยั้งเขาได้ นับว่าเป็นบุคคลตัวอย่างอีกคนหนึ่งที่คนรุ่นหลังควรเรียนรู้ประวัติชีวิต ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหาทั้งปวง หากเรียนไม่เก่งก็ไม่ใช่ว่าจะทำอย่างอื่นไม่ได้ดี ทุกคนต่างมีจุดเด่น จุดแข็งกันทั้งนั้น แต่จะทำอย่างไรให้ได้พบ และใช้สิ่งที่มีอยู่ในตัวตนของเราอย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพเท่านั้นประวัติ
วินสตัน สเปนเซอร์ เชอร์ชิล (Sir Winston Leonard Spencer-Churchill) ถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลขุนนาง ซึ่งมีต้นตระกูลเป็นนักรบผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ บิดาชื่อ ลอร์ดแรนดอฟ เชอร์ชิล นักการเมืองหนุ่มผู้มีชื่อเสียง มารดาคือ เลดี้เจนนี สาวสวยชาวอเมริกัน แม้จะถือกำเนิดในตระกูลขุนนา
ครอบครัวแรนดอฟ เชอร์ชิล ก็มิได้ร่ำรวยมหาศาล เนื่องจากลอร์ดแรนดอฟผู้เป็นบิดา เป็นลูกชายคนรองๆ ไม่ได้เป็นทายาทสืบตระกูลและทรัพย์สมบัติของตระกูลเชอร์ชิล นอกจากนั้น อาชีพนักการเมืองของอังกฤษสมัยนั้นเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับเงินเดือน ได้รับแต่ชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้น
วินสตัน เชอร์ชิล เป็นบุตรคนโตในจำนวนบุตรชายเพียง 2 คน เขาเกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ.1874 ณ วังเบลนไฮม์ อันเป็นวังประจำตระกูลเชอร์ชิล วังแห่งนี้ประชาชนอังกฤษรวบรวมเงินกันสร้างให้เป็นของขวัญแก่ต้นตระกูลเชอร์ชิล ผู้ทำสงครามป้องกันอังกฤษให้พ้นภัยศัตรู ทำให้วินสตันภูมิใจอย่างยิ่ง และมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กที่จะเป็นวีรบุรุษเยี่ยงต้นตระกูลของเขาให้ได้
เมื่ออายุ 5 ขวบ วินสตัน เชอร์ชิล ติดตามบิดามารดาไปพำนักอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์ นับเป็นวันเวลาในวัยเด็กที่มีความสุขที่สุดของวินสตัน ถึงแม้ว่าลอร์ดแรนดอฟจะยุ่งอยู่กับงานตลอดเวลา และเลดี้เจนนีต้องใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเข้าสังคม แต่   วินสตันก็ได้รับความรักความอบอุ่นและการเลี้ยงดูอย่างดีจากมิส ซิสเอเวอเรส
เมื่ออายุ 7 ขวบ ชีวิตเด็กที่มีความสุขก็ยุติลง เวลานั้นครอบครัวแรนดอฟกลับมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอังกฤษแล้ว ชีวิตการต่อสู้ของวินสตันเริ่มต้นขึ้น เมื่อมารดาส่งเขาไปเข้าโรงเรียนประจำชื่อเซนต์เจมส์     เพื่อเตรียมตัวเข้าโรงเรียนฮาโรวที่มีชื่อเสียงต่อไป โรงเรียนดังกล่าวมีหลักการว่า การจะฝึกเด็กให้ได้ดีขึ้นนั้นจะต้องวางกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุด จะต้องใช้วิธีบังคับและลงโทษที่หนัก และจะต้องพยายามอัดความรู้เข้าสมองเด็กๆ ให้ได้มากที่สุด เมื่อเข้าโรงเรียนวันแรก วินสตันถูกบังคับให้เข้าเรียนภาษาละติน วันต่อๆ มาถูกตีจนตัวลาย วินสตันจึงเริ่มแสดงนิสัยขบถอย่างเด่นชัด ยิ่งถูกตีเขาก็ยิ่งดื้อ ยิ่งถูกบังคับให้เรียนก็ยิ่งพยายามหลบเลี่ยง    วินสตันเกลียดโรงเรียนนี้อย่างสุดชีวิต และมีผลการเรียนย่ำแย่
วินสตันเป็นเด็กตัวเล็ก และต่อมาก็มิใช่ชายหนุ่มผู้สูงใหญ่ เขามีผิวขาวอมชมพูแบบผู้หญิง ผมและดวงตาสีอ่อน แต่การวางท่าและกิริยาของวินสตันห้าวหาญและไม่กลัวใครตลอดเวลา ผิดกับลักษณะหน้าตาที่อ่อนโยนอย่างสิ้นเชิง
ต่อมาเขาได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนฮาโรว ซึ่งเป็นเหมือนที่ชุมนุมของผู้ดีชาวอังกฤษ ผลการเรียนของเขายังย่ำแย่อยู่เหมือนเดิม จนทำให้บิดาต้องเสื่อมเสียหน้าอย่างมาก เพราะกำลังเป็นนักการเมืองดาวรุ่งในขณะนั้น แต่ความเกลียดภาษาละตินของเขาก็มีข้อดีอยู่บ้าง เพราะมันทำให้เขาสนใจภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นไวยากรณ์หรือคำศัพท์ เขาท่องจนชำนาญและสามารถนำมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว อาจารย์บางคนถึงกับแปลกใจที่วินสตันท่องหนังสือภาษาอังกฤษที่มีสำนวนไพเราะได้เป็นเล่มๆ
วินสตันถือว่าเขาเลือกทุ่มเทการเรียนในวิชา ซึ่งเอามาใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง ประเด็นนี้เขาคิดถูกต้องแล้ว เพราะต่อมาเขาได้ยังชีพและสร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักเขียน เมื่อมาเป็นนักการเมืองแล้ว การใช้ภาษาที่เก่งกาจช่วยให้สุนทรพจน์ของวินสตันเป็นที่ประทับใจคน และช่วยให้เขาได้รับการเลือกตั้ง   ช่วงเวลาวิกฤติ เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษปลุกระดมคนอังกฤษให้ต่อสู้เยอรมันที่มีกองทัพแข็งแกร่งที่สุด จนประเทศชาติรอดพ้นภัยพิบัติมาได้
แด่ความเป็นผู้นำที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของคุณ



ธวัชชัย สุวรรณสาร
ที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น